อาหารตามวัยที่ช่วยกระตุ้นพัฒนาการเด็กวัย 6-12 เดือน
อาหารตามวัยสำหรับทารก หมายถึง อาหารอื่นที่ทารกได้รับเป็นมื้อนอกเหนือจากนมแม่หรือนมผสม เพื่อให้ทารกได้รับสารอาหารครบถ้วนและเพียงพอสำหรับการเจริญเติบโต ช่วยให้ทารกปรับตัวจากการกินอาหารเหลวเป็นอาหารกึ่งแข็งกึ่งเหลว และอาหารแบบผู้ใหญ่ เพื่อให้มีพัฒนาการในการกินที่เหมาะสม
ความสำคัญและประโยชน์ของการให้อาหารตามวัยสำหรับทารก
1. เพื่อให้สารอาหารแก่ทารกเพิ่มเติมจากนมแม่หรือนมผสมในกรณีที่ไม่สามารถให้ลูกกินนมแม่ได้
2. ช่วยส่งเสริมพัฒนาการด้านการกินอาหารของทารก ช่วยให้ทารกฝึกการเคี้ยว และกลืนอาหารซึ่งมิใช่ของเหลว
3. เพื่อเสริมสร้างนิสัยและพฤติกรรมการกินที่ดีของเด็ก
ก่อนเริ่มให้อาหาร ทารกควรมีวัยที่เหมาะสม และมีความพร้อมของระบบอวัยวะต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการกินอาหาร ได้แก่ ระบบทางเดินอาหาร ไต ระบบประสาทและกล้ามเนื้อ
1. ความพร้อมของระบบทางเดินอาหาร คือทารกสามารถใช้ลิ้นตวัดอาหารลงสู่ลําคอ และกลืนอาหารกึ่งแข็งกึ่งเหลวได้และกระเพาะอาหารสามารถหลั่งกรดและน้ำย่อยสำหรับการย่อยโปรตีนได้มากขึ้น รวมทั้งตับอ่อนสามารถหลั่งน้ำย่อยสำหรับการย่อยคาร์โบไฮเดรตและไขมันได้มากขึ้น เพื่อรองรับอาหารชนิดต่างๆ ที่ทารกกินได้
2. ความพร้อมของไต ไตของทารกสามารถทำหน้าที่กำจัดของเสียและเกลือแร่ที่ทารกจะได้รับจากการกินอาหารได้มากขึ้น
3. ความพร้อมของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ ทารกมีสามารถควบคุมการทรงตัวของศีรษะและลำตัวได้ดี ทำให้สามารถนั่งกินอาหารได้ เริ่มใช้มือคว้าของเข้าปากได้ ขากรรไกรขยับได้มากขึ้น มีความพร้อมในการกินอาหารกึ่งแข็งกึ่งเหลว ปฏิกิริยาการเอาลิ้นดุนอาหารออกมา หรือ extrusion reflex
พัฒนาการของทารกตามปกติ จะมีความพร้อมของระบบอวัยวะทั้ง 3 ด้านนี้เมื่ออายุ 4-6 เดือน
การเลือกอาหาร
อาหารตามวัยสำหรับทารกควรเป็นอาหารที่หลากหลายและครบถ้วนทั้ง 5 หมู่ ได้แก่ ข้าวแป้ง เนื้อสัตว์/ไข่ น้ำมัน/ไขมัน ผัก และผลไม้ ในปริมาณเพียงพอ ปริมาณของอาหาร จำนวนมื้อ และเนื้อสัมผัสของอาหารจะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามอายุของทารก เพื่อให้ทารกได้รับสารอาหารและพลังงานที่เหมาะสม และมีพัฒนาการด้านการกินอาหาร จากการกินอาหารเหลว เป็นอาหารกึ่งแข็งกึ่งเหลว และเป็นอาหารแบบผู้ใหญ่ได้เมื่ออายุ 1 ปี
ข้อมูลปริมาณอาหารและจำนวนมื้อที่แนะนำในแต่ละช่วงอายุตามคำแนะนำของกรมอนามัย
วิธีการให้อาหารตามวัยสำหรับทารกที่เหมาะสม
1. ป้อนอาหารทารกด้วยความนุ่มนวล และคอยช่วยเหลือทารกที่โตพอจะกินได้เองแล้วให้กินอาหารได้อย่างปลอดภัยจากการสำลัก ควรไวต่อการรับรู้สัญญาณที่แสดงถึงความหิวและความอิ่มของทารก
2. คอยกระตุ้นให้ทารกกินอาหาร ให้ทารกได้มีส่วนร่วมในการกินอาหารให้เหมาะสมกับพัฒนาการในแต่ละช่วงวัย ไม่ควรบังคับหรือป้อนนานเกินไป แต่ละมื้อควรใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที และไม่ควรนานเกิน 30 นาที
3. ถ้าทารกปฏิเสธการให้อาหารบางอย่าง ให้ทดลองเปลี่ยนวิธีการปรุงอาหาร โดยนำอาหารหลายชนิดมาผสมกันเพื่อให้ได้ความหยาบละเอียดและรสชาติตามที่ทารกต้องการ
4. ขณะที่ทารกกินอาหาร ควรลดสิ่งล่อใจที่ทำให้ทารกหันไปสนใจมากกว่าอาหารที่กำลังกินอยู่ เช่น ไม่ควรให้ดูโทรทัศน์หรือเดินป้อนอาหาร ควรฝึกให้นั่งกินอาหารที่โต๊ะอาหาร
5. ผู้ป้อนอาหารควรเป็นคนที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับทารก ควรสบตาและพูดคุยกับทารกตลอดเวลาที่ป้อนอาหาร เพราะการให้อาหารเป็นอีกวิธีหนึ่งในการกระตุ้นการเรียนรู้ การให้ความรัก และการเชื่อมความสัมพันธ์
อาหารตามวัยสำหรับทารกอายุ 6-12 เดือน สารอาหารที่เป็นปัญหาหลักคือเหล็กและสังกะสี ส่วนแคลเซียม วิตามินเอ ทารกจะได้เพียงพอจากการกินนมแม่
ผศ.พญ.อรพร ดำรงวงศ์ศิริ
หัวหน้าสาขาวิชาโภชนวิทยา ภาควิชากุมารเวชศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล